คุณพ่อคุณแม่เคยนึกภาพมั๊ยว่า ถ้าวันหนึ่งลูกน้อยของคุณต้องพลาดโอกาสทางการศึกษาเพราะคุณไม่สามารถส่งเสียค่าเล่าเรียนได้? หรือแม้แต่ภาพที่คุณต้องทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอมลูก? นั่นคงเป็นฝันร้ายที่ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเจอ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ! เพราะหม่ามี้มีวิธีที่จะช่วยให้คุณวางแผนการเงินให้ลูกได้อย่างชาญฉลาด นั่นก็คือ การวางแผนการศึกษาลูกด้วยประกัน มาดูกันว่าทำไมวิธีนี้ถึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่
ทำไมต้องวางแผนการศึกษาลูกตั้งแต่วัยอนุบาล?
-
เริ่มต้นเร็ว ได้เปรียบมากกว่า
คิดง่ายๆ นะคะ ถ้าคุณพ่อคุณแม่เริ่มออมตั้งแต่ลูกยังเล็ก เงินของคุณก็มีเวลาเติบโตมากขึ้น เหมือนการปลูกต้นไม้ ยิ่งปลูกเร็ว ต้นไม้ก็ยิ่งโตไวและให้ร่มเงาได้มากกว่า
-
ค่าเล่าเรียนสูงขึ้นเรื่อยๆ
ลองนึกภาพค่าเทอมสมัยที่เราเรียนกับตอนนี้สิคะ ต่างกันลิบลับเลย! ยกตัวอย่างเช่น ค่าเทอมมหาวิทยาลัยรัฐบาลเมื่อ 20 ปีก่อนอาจอยู่ที่ประมาณ 12,000 บาทต่อเทอม แต่ปัจจุบันอาจสูงถึง 25,000-30,000 บาทต่อเทอม และมันก็จะยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้คุณรับมือกับค่าใช้จ่ายในอนาคตได้สบายๆ
-
สร้างความมั่นคงให้ครอบครัว
การมีแผนการเงินที่ดีไม่ได้ช่วยแค่เรื่องการศึกษาของลูกนะคะ แต่ยังทำให้ครอบครัวของคุณมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้นด้วย
-
พร้อมรับมือทุกสถานการณ์
ชีวิตเราไม่แน่นอน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้มั่นใจว่าลูกยังได้เรียนต่อตามที่ฝันไว้
ประโยชน์ของการวางแผนการศึกษาลูกด้วยประกัน
- การันตีเงินทุนการศึกษา: ไม่ต้องกังวลว่าจะมีเงินพอส่งลูกเรียนหรือไม่ เพราะประกันการศึกษาจะช่วยการันตีว่าลูกจะมีเงินเรียนแน่นอน
- คุ้มครองชีวิตคุณพ่อคุณแม่: นอกจากเงินเรียนลูก คุณยังได้ความคุ้มครองชีวิตด้วยนะคะ ถือว่าได้ประโยชน์ 2 ต่อเลย
- รู้ผลตอบแทนชัดเจน: ไม่ต้องลุ้นว่าจะได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ เพราะประกันการศึกษามักมีผลตอบแทนที่แน่นอน ทำให้วางแผนง่ายขึ้นเยอะ
- สิทธิประโยชน์ทางภาษี: รู้ไหมคะว่าเบี้ยประกันสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย? ตัวอย่างเช่น หากคุณจ่ายเบี้ยประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ปีละ 100,000 บาท คุณสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท (ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร) ซึ่งอาจช่วยประหยัดภาษีได้ถึง 35,000 บาทต่อปี (สำหรับผู้ที่มีรายได้สูง) นี่แหละค่ะ หนึ่งในสิทธิ์ประโยชน์ของประกันชีวิตที่หลายคนมองข้าม
- ยืดหยุ่นตามความต้องการ: บางแผนให้คุณถอนเงินบางส่วนได้ก่อนกำหนด เผื่อมีเหตุฉุกเฉินจริงๆ
วิธีเลือกประกันเพื่อวางแผนการศึกษาลูก
- ตั้งเป้าหมายให้ชัด: อยากให้ลูกเรียนถึงระดับไหน? ปริญญาตรี? โท? เอก? หรือเรียนต่อต่างประเทศ? กำหนดให้ชัดแล้วค่อยวางแผน
- ดูกำลังทรัพย์ตัวเอง: เลือกแผนที่จ่ายไหว ไม่ทำให้เครียดจนอยากยกเลิกกลางคัน ยกตัวอย่างเช่น หากรายได้ครอบครัวของคุณอยู่ที่ 50,000 บาทต่อเดือน การเลือกแผนประกันที่ต้องจ่ายเบี้ย 10,000 บาทต่อเดือนอาจจะสูงเกินไป แต่การจ่าย 2,000-3,000 บาทต่อเดือนอาจจะเหมาะสมกว่า
- เปรียบเทียบให้ดี: แต่ละบริษัทมีข้อเสนอต่างกัน ลองเทียบดูว่าอันไหนคุ้มค่าที่สุดสำหรับคุณ
- เช็คความน่าเชื่อถือ: เลือกบริษัทที่มั่นคง จ่ายเคลมไว ไม่มีประวัติเสียหาย
- ปรึกษาผู้รู้: ถ้ายังไม่แน่ใจ ลองปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินดูนะคะ เขาจะช่วยแนะนำแผนที่เหมาะกับคุณที่สุด
ตัวอย่างการวางแผนการศึกษาลูกด้วยประกัน
สมมติว่าคุณมีลูกน้อยวัย 3 ขวบ และอยากวางแผนการศึกษาถึงปริญญาตรี ลองมาดูตัวอย่างการวางแผนกันค่ะ:
- ประเมินค่าใช้จ่าย : ลองคำนวณคร่าวๆ ว่าค่าเรียนตั้งแต่อนุบาลถึงปริญญาตรีน่าจะประมาณเท่าไหร่ อย่าลืมบวกเงินเฟ้อเข้าไปด้วยนะคะ ตัวอย่างเช่น:
- อนุบาล-ประถม: 100,000 บาท/ปี x 9 ปี = 900,000 บาท
- มัธยม: 150,000 บาท/ปี x 6 ปี = 900,000 บาท
- ปริญญาตรี: 250,000 บาท/ปี x 4 ปี = 1,000,000 บาท
- รวมประมาณ 2,800,000 บาท (ยังไม่รวมเงินเฟ้อ)
- เลือกแผนประกัน : หาแผนที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับเป้าหมายที่คำนวณไว้ เช่น แผนประกันที่ให้เงินคืนทุก 3 ปีตั้งแต่ลูกอายุ 6 ขวบ และให้เงินก้อนใหญ่เมื่อครบกำหนดสัญญาตอนลูกอายุ 21 ปี
- กำหนดระยะเวลาจ่ายเบี้ย : อาจเลือกจ่าย 15 ปี หรือ 20 ปีก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของคุณ
- วางแผนรับเงิน : ให้ช่วงเวลารับเงินตรงกับช่วงที่ต้องจ่ายค่าเรียนจริงๆ
- เสริมด้วยการออมแบบอื่น: นอกจากประกัน อาจลองลงทุนในกองทุนรวมหรือหุ้นบ้าง เพื่อกระจายความเสี่ยง
ข้อควรระวังในการวางแผนการศึกษาลูกด้วยประกัน
– อย่าซื้อเกินตัว : เลือกแผนที่จ่ายสบายๆ ในระยะยาว
– อ่านเงื่อนไขให้ละเอียด : รู้ให้ชัดว่าได้อะไร ไม่ได้อะไรบ้าง เช่น บางแผนอาจระบุว่าจะจ่ายเงินคืนเมื่อลูกอายุครบ 21 ปี แต่ถ้าคุณต้องการใช้เงินก่อนหน้านั้น อาจมีค่าธรรมเนียมในการถอนเงินก่อนกำหนด
– ไม่ควรพึ่งประกันอย่างเดียว : ลองมองหาช่องทางออมเงินอื่นๆ ด้วย
– ทบทวนแผนสม่ำเสมอ : ชีวิตเปลี่ยน แผนก็ต้องเปลี่ยนตาม เช่น หากคุณได้เลื่อนตำแหน่งและมีรายได้เพิ่มขึ้น คุณอาจพิจารณาเพิ่มวงเงินประกันหรือซื้อแผนเสริมเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต
– ฟังเสียงลูกด้วย : เผื่อใจไว้นิดนึงว่าลูกอาจเลือกเส้นทางที่ต่างจากที่เราคิด
วางแผนการเงินให้ลูกวันนี้ เพื่อความสำเร็จของเขาในวันหน้า และรอยยิ้มของคุณในวันที่เขาประสบความสำเร็จ
สรุป: อนาคตที่สดใสรอลูกน้อยของคุณอยู่
การวางแผนการศึกษาลูกด้วยประกันไม่ใช่แค่เรื่องเงินๆ ทองๆ นะคะ แต่มันคือการลงทุนในอนาคตที่สดใสของลูก และความสบายใจของคุณเองด้วย
ลองนึกภาพดูสิคะ วันที่ลูกรับปริญญา คุณยืนอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความภูมิใจ โดยไม่ต้องกังวลเลยว่าจะหาเงินค่าเรียนลูกจากไหน นั่นแหละค่ะ คือความสุขที่คุ้มค่ากับการวางแผนตั้งแต่วันนี้
แต่ถ้าคุณยังลังเลที่จะเริ่ม ลองคิดถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นถ้าไม่วางแผน ทั้งภาระหนี้สิน ความเครียด หรือแม้แต่โอกาสที่ลูกอาจต้องพลาดการเรียนในที่ที่ใฝ่ฝัน
เริ่มวางแผนวันนี้ เพื่ออนาคตที่สดใสของลูกและครอบครัวของคุณ เพราะการลงทุนที่ดีที่สุด คือการลงทุนในการศึกษาของลูกน้อยค่ะ คุณพ่อคุณแม่ได้เรียนรู้อะไรบ้างจากบทความนี้? หวังว่าคุณจะเห็นความสำคัญของการวางแผนการเงินให้ลูกตั้งแต่วันนี้นะคะ และถ้ามีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติม อย่าลืมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนให้เหมาะกับครอบครัว ของคุณที่สุดค่ะ สำหรับคนที่ไม่มีไอเดียในการเลือกแผนประกัน ไว้เดี๋ยวคราวหน้าหม่ามี้จะเอาแผนตัวอย่างมาให้ดูนะคะ